Sunday, January 21, 2018

Splendor vs. Management

ถอดบทเรียนการบริหารผ่านเกม Splendor
ผมเคยเห็น Splendor มาได้ซักพักแล้ว พึ่งมีโอกาสได้เล่นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพราะไปอบรมค้างคืน ซึ่งบอร์ดเกมก็กลายเป็นวัฒนธรรมหนึ่งของค่ายที่อบรมค้างคืนกันไปแล้ว ตัวผมเองไม่คิดว่ากติกาที่ง่ายๆ แต่มันจะมีเรื่องให้ขบคิดมากขนาดนี้
เป้าหมายของเกมคือใครคะแนนถึงตามเป้า (15 แต้ม) ก่อนชนะ โดยเราจะต้องใช้อัญมณีในการซื้อไพ่ที่มีแต้ม หรือไม่มีแต้ม ซึ่งทั้งสองแบบจะมี ความสามารถลดจำนวนการใช้อัญมณีสีใดสีหนึ่งลงได้ แต่ละครั้งเราจะต้องตัดสินใจว่า จะหยิบอัญมณี หรือจองไพ่ หรือซื้อไพ่ นอกนั้นก็จะเป็นกฎเสริม ถ้ามีไพ่สีนี้กี่ใบกี่ใบจะได้แต้มเพิ่มทันที ไม่มีหลักตายตัวว่าควรเล่นแบบไหน จึงเป็นเสน่ห์ของเกมนี้ไม่น้อยเลย ส่วนใครที่ไม่เคยเล่น สามารถเข้าไปอ่านคำอธิบายกติกาของเกมโดยละเอียด ตรงลิ้งก์ที่ผมแปะไว้ด้านล่างได้ (อ่าน Level 3)
ความจริงแล้วผมเล่นแพ้ทุกรอบเลย ทำให้ความเจ็บแค้นส่งผลต่อการวิเคราะห์เกม และนำไปสู่การเชื่อมโยงกับชีวิตความเป็นจริง ในการบริหารชีวิต หรือการทำงานของตัวเอง จะไล่การเรียนรู้ผ่านเกมไปก่อน แล้วจะตบด้วยความเป็นจริงอีกทีหนึ่งนะครับ
[1] ครั้งแรกที่ผมเล่น เราเป็นคนชอบสิ่งที่เรียกว่า Passive income ถ้าสนใจสมัครเข้ามาร่วมธุรกิจได้นะครับ ถุ้ยยย ไม่ใช่ จริงๆมันคือ Passive Gem ครั้งแรกที่เล่นมองว่าถ้าเราจ่ายน้อยๆ แล้วได้คุณสมบัติติดตัว เราน่าจะมีสภาพคล่องในการเล่นเกมตอนท้ายๆได้ ก็เก็บไพ่ต่ำๆ ที่ไม่ได้มีแต้มเลยครบทุกสีไปหลายใบ ผลปรากฏว่า แพ้ครับ
ก็กลับมามองดูว่า เฮ้ยยย เกิดอะไรขึ้นแพ้ได้ไง พอใช้หัววิศวะก็พบว่า อ้อออ เราไม่ได้ใช้ศักยภาพของไพ่ที่ซื้อมาทุกรอบอย่างเต็มที่นัก แล้วเราเสียรอบการเล่นไปฟรีๆ ถ้ามองภาษาวิศวะอุตสาหการ มันก็เหมือนเราเอาของมาเก็บในคลังแล้วเสียเวลาเปล่า เสียเวลาหามาในตอนต้น
โอเครอบใหม่เราจะดูแล้วว่าใช้เท่าไหร่จึงจะพอดี ไม่ซื้อไพ่มาเก็บเยอะเกินไป ไม่งั้นเราจะตามคนที่เก็บแต่แต้มไม่ทัน ควรรีบไต่ไปซื้อไพ่แพงๆให้ทัน มองดูจังหวะเวลาของคนรอบข้างว่า ถ้าเขาได้คะแนนประมาณนี้แล้ว เขาน่าจะไปอีกกี่รอบแต้มจะครบ ใช้การกะเอา
[2] เล่นอีกรอบก็แพ้อีก ก็เปลี่ยนกลยุทธ์แล้วนะทำไมแพ้ ก็พบว่าคนที่เล่นด้วยเขาคุมเกมวางแผนว่าจะเก็บสีไหนบ้าง มีการจองไพ่ที่ได้แต้มเยอะแต่การลงทุนต่ำไว้แต่แรกเลย แล้วค่อยๆไต่ลำดับซื้อไป เราก็เอาบ้าง ถือว่าตัวเองต้องมีเป้าหมายให้ชัด ไม่ซื้อไพ่สีมั่วซั่ว เน้นเฉพาะสีไป เรียกได้ว่ามีเป้าหมายไว้พุ่งชน เราจะไม่หยุดชมดอกไม้ข้างทาง จะอยู่กับเธอเพียงคนเดียว หยุดๆเพ้อไปไกลแล้ว
[3] กลับมาดวนอีกรอบ ก็แพ้อีกครั้งนี้เฉือนชนะไปนิดเดียวเอง ซึ่งก็พบว่าเฮ้ยยย มันมีการตัดหน้ากันด้วย ศัตรู(เฉพาะในเกม) เขาอ่านเกมเราออกแล้ว ไปดักเราข้างหน้า เพื่อให้เราเสียจังหวะในการเล่น ในขณะเดียวกันการตัดหน้าก็ต้องทำให้ตัวเองได้เปรียบด้วย ซึ่งยากมากๆ ยอมรับชาบูจริงๆ จบเกมวันนั้น ห้าทุ่มเสร็จผมนี้กลับมานอนคิดทั้งคืนเลยว่าเพราะอะไรหว่า ก็เลยมองภาพชีวิตจริงของตัวเองขึ้นมา
รอบแรกที่เล่นผมมองเทียบกับชีวิตของตัวเอง เราเป็นคนชอบเรียน ชอบเก็บเกี่ยวอ่านหนังสือ มีคอร์สอะไรไปหมด โดยเฉพาะของฟรีจะชอบมาก แต่เราลืมไปว่าเราเรียนสะสมความรู้หรือทักษะติดตัวไปนั้นหนะ ได้ใช้ตอนนั้นหรือเปล่า หรือมันมีอะไรที่ควรเรียนไปใช้ตอนนั้นแล้วเราไม่ได้เรียนหรือไม่ ซึ่งก็พอจะประเมินได้คราวๆ มันทำให้เราดำเนินชีวิตไปได้ช้า หรือไม่มีประสิทธิภาพพอ ถ้าไม่ได้มองถึงเรื่องเรียนเพื่อสุนทรีย์ของตัวเองหนะนะ เลยน่ากลับมาคิดกับตัวเองว่า เราควรจะเลือกสะสมความรู้ ให้เหมาะกับเวลาและเป้าหมายด้วย [1, 2]
อย่าลืมว่าเกมนี้เราไม่ได้เล่นเพียงคนเดียว มีคนจับตาดูเราอยู่ ถ้าเราวางแผนที่ไม่รอบคอบพอ เจอคู่แข่งตัดหน้า เราก็เสียโมเมนตั้มของตัวเองไปได้ง่ายๆเลย นึกถึงงานที่ทำอยู่คิดว่าคนในวงการก็คงมองๆกันอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เราวางแผนได้ลึกหรือยัง ถ้าเขาตัดหน้าเราจะทำอย่างไร ร่วมมือ เปลี่ยนทิศ หรือสู้มัน รู้สึกว่าไม่ควรนิ่งนอนใจกับโลก Purple Ocean (มันคลุมเคลือไม่รู้จะ Red - ตลาดแข่งขันสูง หรือ Blue - ตลาดบุกเบิกใหม่ดี) เท่าไหร่นัก [3]
คนเราไม่ได้มีเวลามากนัก การบริหารจัดการเวลางาน ให้มันสอดประสานกับเป้าหมายของตัวเราเองจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ผมเคยเชื่อว่ามนุษย์เป็นได้ทุกอย่าง ซึ่งมันไม่จริงเราเป็นได้แค่บางอย่างในเวลาที่จำกัดเท่านั้น การเลือก ตัดออกสิ่งที่ไม่จำเป็น จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
ชวนไปเล่นเกมนี้ได้นะครับ อยากชนะบ้าง ฮือออออ
x