Monday, November 30, 2015

Teach for Thailand day 21: Wizzle Pro & Quiz


ถ้าใครเคยเล่นเกม 24 เกม Witzzle Pro ก็เป็นเกมคล้ายๆกัน ความสนุกของมันคือตรงที่เราสามารถกำหนดกติกาได้มากมายเหลือเกิน อย่างที่ผมเล่นในวันนี้เป็นการเลือกเลข 3 จำนวนตามแนวตั้ง แนวนอน และแนวทแยง พร้อมกำหนดเครื่องหมาย บวก ลบ คูณ หาร ให้ครบ สามารถกำหนดผลของคำตอบได้ เช่น คำตอบอยู่ในช่วง -12 ถึง 36

เราสามารถสอดแทรกเรื่องลำดับการบวก ลบ คูณ หาร ของโจทย์ละคนได้ หรือจำนวนที่ติดลบ เนื่องจากคำตอบมันเยอะมากจนสุ่มยังไงก็มีโอกาสถูก แต่ถ้าไม่กล้าตอบ คำตอบง่ายๆก็จะค่อยๆหายไปเรื่อยๆ โอกาสมีมาถ้าไม่ไขว้คว้าไว้

สำหรับ ม.1 ผมเป็นห่วงพวกเขามากที่สุดเลย วันนี้มีสอบความรู้ทั้งหมดที่ได้เรียนไป เพื่อกันการลอกซึ่งผผมเชื่อว่ามีแน่ๆ เลยทำข้อสอบออกเป็น 6 ชุดด้วยกัน มีรูปหลอกว่าข้อสอบเหมือนกันด้วย และแน่นอนมีนักเรียนติดกับดัก = =


มีนักเรียนเพียงห้องเดียงเท่านั้นที่สามารถทำได้เกิดครึ่ง ได้มากกว่าครึ่งห้อง ห้องที่เหลือไม่ถึง 10 คนจาก 50 คนที่ทำได้

ต่อจากนี้เริ่มปฏิบัติการถอดรหัสแก้ปัญหานักเรียน นักเรียนไม่ส่งการบ้าน นักเรียนลอกการบ้าน คำถามคือเพราะอะไร แล้วเราจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร ทุกการกระทำย่อมมีผลลัพธ์ที่ตามมาซึ่งผมอยากจะเร่งผลลัพธ์ให้มันเร็วขึ้น

พรุ่งนี้ไม่มีสอน = =

Saturday, November 28, 2015

How to manage your energy?



Manage your energy not your time
เคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหมครับ แท้จริงแล้วเราไม่ได้รู้สึกว่าเวลาเป็นสิ่งที่จำกับสำหรับเรา แต่เป็นพลังที่จะทำงานซะมากกว่า วันๆหนึ่งเราอาจจะหมดพลังหลับอยู่บนโต๊ะทำงานก่อนจะหมดเวลาทำงานซะอีก ความลับของการแก้ปัญหาเรื่องนี้คือ "การจัดการพลังของตนเอง"
ตอนนี้ผมเริ่มศึกษาเรื่องการจัดการพลังงานของตนเอง และเจอบทความที่หน้าสนใจจาก Harvard Business Review จะขอสรุปคราวๆเพื่อใครขี้เกียจอ่านทั้งหมด
Manage your energy not your time - จัดการพลังงานของคุณแทนที่จะจัดการเวลา เขาบอกว่าพลังของคนเราแบ่งเป็น 4 แหล่งด้วยกันได้แก่ พลังกาย(ฺBody) พลังอารมณ์(Emotion) พลังใจ(Mind) และพลังจิตวิญญาณ(Spirit) จะเห็นได้ว่าไม่ใช่แค่เรานอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้เรามีพลังทำงานเต็มที่ไปตลอดทั้งวัน นั้นเป็นเพียงส่วนของพลังกายเท่านั้น
คำถามวิเคราะห์ความสามารถในการจัดการพลังงานของตนเอง (ให้เราตอบถูกหรือผิดในแต่ละข้อ)
ด้านพลังกาย
__ฉันมักจะนอนน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงต่อวัน และรู้สึกเหนื่อยแทบทุกครั้งที่ตื่นนอน
__ฉันมักจะข้ามอาหารเช้าและมักจะทานของที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
__ฉันออกกำลังกายไม่เพียงพอ (อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์)
__ฉันไม่ค่อยหยุดพักระหว่างวัน เพื่อเติมพลัง หรือฉันมักทานอาหารกลางวันที่โต๊ะอาหารเป็นประจำ
พลังอารมณ์
__บ่อยครั้งฉันรู้สึก เคือง ขาดความอดทนและกังวล ในที่ทำงาน
__ฉันมักจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับคนที่ฉันรัก หรือถึงแม้ฉันอยู่ก็เหมือนไม่ได้อยู่ด้วยกัน
__ฉันมีเวลาน้อยมากที่จะทำในสิ่งที่ฉันรู้สึกสนุกจริงๆ
__ฉันมักจะไม่แสดงความซาบซึ้งหรือยินดีกับคนอื่น และฉันมักจะไม่ชื่นชมกับความสำเร็จของตนเอง
พลังใจ
__เป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่จะมีสมาธิกับงานใดงานหนึ่ง ฉันมักถูกรบกวนระหว่างวันด้วยข้อความต่างๆ
__ฉันมักใช้เวลาในแต่ละวันทำงานที่เร่งด่วน มากกว่าทำงานที่สำคัญและส่งผลระยะยาว
__ฉันไม่ได้ใช้เวลาในการสะท้อนความคิด วางแผนหรือความคิดสร้างสรรค์
__ฉันทำงานในตอนค่ำ วันหยุด
พลังจิตวิญญาณ
__ฉันไม่ได้ใช้เวลาในที่ทำงานทำในสิ่งที่ฉันทำได้ดีและสนุกที่สุด
__ฉันมีความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ฉันเห็นว่าเป็นสิ่งที่สำคัญกับฉัน กับสิ่งที่ฉันทุ่มเททั้งเวลาและแรงลงมือคำ
__การตัดสินใจในที่ทำงานของฉัน เกิดจากสิ่งเร้าภายนอกมากกว่าเป้าหมายหรือความเชื่อมั่นในใจของฉัน
__ฉันไม่ได้ลงแรงลงเวลา ในการสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับโลกในนี้หรือคนอื่นๆ
ยิ่งตอบใช่มากเท่าไร แสดงให้เห็นถึงปัญหาของการจัดการพลังงานของเรามากเท่านั้น
ด้านพลังกายผมขอข้ามไป เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ด้านที่เหลือก็มีเทคนิคเล็กๆน้อยๆให้ไปลองใช้กัน
ด้านพลังอารมณ์ เราควรหาเวลา 2-3 ครั้งต่อวันในการผ่อนคลายทำสมาธิหรือหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ หรือไม่ใช้เวลาช่วงอาหารเช้าและอาหารเย็นกินข้าวร่วมกับเพื่อนที่ทำงาน หรือครอบครัว
ด้านพลังใจ กำหนดเวลาที่ชัดเจนในการตอบ Email Line FB และอื่นๆเพื่อที่เราจะได้มีเวลาในการโฟกัสกับงานที่ทำอยู่ เราอาจจะใช้เวลาเพียง 1/3 ของปกติเท่านั้นเอง สร้างข้อตกลงร่วมกันในที่ทำงานว่าจะไม่ส่งข้อความมารบกวนในเวลาหลังเลิกงาน เพื่อให้งานเสร็จในเวลาทำงานและพักผ่อนได้เต็มที่หลังเลิกงาน
ด้านพลังจิตวิญญาณ ให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราอยากให้คนอื่นจดจำเราในแบบไหน อาจจะให้เราลองนึกถึงงานศพของเรา เราอยากให้คนที่มางานเราพูดสิ่งใดกับเรา ให้เราทำสิ่งนั้น พยายามเลือกทำงานในสิ่งที่เราทำได้ดีและสนุกกับมัน ฟังดูยากแต่เป็นไปได้ ถ้าเรารู้จักตนเองดีเพียงพอ
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน
สรุปโดย Teacher Jak
Credit: https://hbr.org/2007/10/manage-your-energy-not-your-time

Friday, November 27, 2015

Teach of Thailand day 20: The magic triangle


สามเหลี่ยมมหัศจรรย์ เป็นเทคนิคที่ไว้ใช้ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน แบ่งเป็นสามระดับด้วยกัน
1) สีเขียว นักเรียนรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจเนื้อหาได้ดีมาก ตามที่ครูสอนทัน
2) สีเหลือง นักเรียนตามเนื้อหาทันบางส่วน แต่ยังมีข้อสงสัยที่อาจจะยังไม่รู้ว่าจะถามอย่างไร
3) สีแดง นักเรียนไม่ไหวแล้ว หลุดไปไกลมากๆ ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

ผลที่ใช้กับนักเรียนมัธยมสามนั้นพบว่า พอจะเห็นความเข้าใจของนักเรียนได้คราวๆ จะเห็นได้ว่านักเรียนแถวหน้ากลุ่มที่ตั้งใจเรียน และเข้าใจคณิตศาสตร์นั้นให้ผลตอบรับเป็นสีเขียว ส่วนนักเรียนที่เหลือเป็นสีแดงและสีเหลือง

ซึ่งวันนี้ผมสอนไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เนื้อหายากเกินไป กระโดดจากความรู้ที่สอนในครั้งก่อนมากอยู่ ผมกลับมาลองทบทวนดูแล้ว ผมข้ามระดับการเรียนรู้ด้านความเข้าใจไปสู่การนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเลย เพราะมุ่งว่าอยากให้นักเรียนได้เห็นประโยชน์ของอสมการมากเกินไป

สิ่งที่ต้องอุดช่องโหว่ของวิธีการนี้คือ ความเข้าใจของการใช้สามเหลี่ยมมหัศจรรย์ ต้องอธิบายให้ชัดเจน มีตัวอย่างประกอบความเข้าใจ หลังจากนั้นถ้าทดลองจนใช้ประโยชน์ได้ดี เดี๋ยวจะทำอันใหม่ที่แข็งแรงคงทนกว่านี้

สัปดาห์หน้าจะเป็นการทำวิจัยเรื่อง การใช้สามเหลี่ยมมหัศจรรย์ นี้เพื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆครูด้วยกัน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในห้องเรียนของทุกคน

พอดีมีนักเรียนคนหนึ่งมาขอให้ผมช่วยสอนเรื่องการหารให้กับเขา แต่เมื่อวานเขาลืมมาหาที่ห้องวิทย์ วันนี้เลยไปตามตอนพักเที่ยงให้มาเรียนเพิ่มอีกครึ่งชั่วโมง

นักเรียนน่ารักมากพาเพื่อนมาด้วยอีกคนหนึ่ง ผมก็สอนการตั้งหารยาวและให้เขาทำโจทย์เพิ่ม อีกเล็กน้อย ประกอบกับช่วงบ่ายที่ว่างๆ ผมเลยได้เวลาทำแบบฝึกหัด บวก ลบ คูณ หารให้นักเรียนเก็บคะแนนเพิ่มเสียที เหลือแค่วางระบบเท่านั้น


แบบฝึกหัดตอนนี้ผมแบ่งแต่ละเรื่องเป็น 4 ระดับด้วยกัน จากง่ายไปยาก แบ่งละ 100 ข้อตั้งแต่ระดับแรกที่คนส่วนใหญ่ที่ทำโจทย์บวก ลบ คูณ หารได้ สามารถคิดในใจได้ จนถึงระดับที่ยากมากจนต้องใช้กระดาษทด ถ้าเขาไม่รู้วิธีในการทำจำนวนเหล่านั้นในใจ

ผมคาดหวังให้นักเรียนมาขอแบบฝึกหัดเหล่านั้นมาทำกัน การเรียนคณิตศาสตร์ของเราจะได้สนุกมากยิ่งขึ้น :D

Thursday, November 26, 2015

Teach for Thailand day 19: Suffer


เป็นวันที่รู้สึกเฟลแต่เช้าเลย ควันหลงหลังวันลอยกระทง นักเรียนมาน้อยกว่าปกติซึ่งมาน้อยอยู่แล้ว และดูท่าทางแล้วไม่ค่อยมีกระจิตกระใจจะเรียน เป็นทางแรกที่รู้สึกผิดเพราะ เราไหลไปตามพลังของนักเรียน ครูพลังน้อย นักเรียนพลังก็น้อยยิ่งกว่า

หนีกลับมาตั้งหลักกับที่ ม.1 กลับมาใช้วิธีที่ปลอดภัย Introduction I do และ You do วันนี้มีนักเรียนมาบอกครูด้วยว่าผมทำหารไม่เป็นเลยครูช่วยสอนผมได้ไหม วันนี้รับปากไปว่าตอนเย็นครูจะสอนให้ แต่ตอนเย็นนักเรียนโดนนัดเพิ่ม = =

วันนี้ได้สอนแทนในคาบของ ม.2 เป็นครั้งแรกที่ได้สอนแทน 2 คาบใน 1 วัน ได้เห็นลุกผสมระหว่าง ม.1 และ ม.3 น่าจะจัดการห้องเรียนได้ยากกว่าแน่นอน มีทั้งนักเรียนคุยกันและหลับปะปนกันไป แต่ที่ดีกว่า ม.1 คือเขาเรียกให้ฟังได้ง่ายขึ้น

วันนี้ผมเริ่มกลัวกับการจับกลุ่มอีกแล้ว แต่ยังไงเริ่มแล้วต้องเดินหน้าไปให้สุด สู้ตาย

Wednesday, November 25, 2015

Teach for Thailand day 18: Loy ka tong's day


ไม่รู้จะดีใจหรือไม่ดีใจดีวันลอยกระทงไม่มีการเรียนการสอน หงอยมากพอไม่ได้สอนแล้วรู้สึกเหมือนหมดพลัง เลยแอบพานักเรียนมาวาด Mandala เล่นในห้องวิทยาศาสตร์





Mandala คือแผนภาพวงกลม เราอาจจะเคยเห็นจากในภาพยนต์ที่พระทิเบตเป่าผงสีเป็นรูปวงกลมที่มีลวดลายที่สวยงามต่างๆอยู่ภายใน ทางจิตปัญญาศึกษา ใช้แผนภาพนี้ในการเรียนรู้สิ่งที่อยู่ภายในตัวเอง ในอีกทางหนึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการทำสมาธิก็ได้ Mandala เราจะวาดรูปภายในหรือภายนอกวงกลมก็ได้ เลือกสีที่เราต้องการผ่านความรู้สึกของเรา และลงมือวาดเส้น รูปทรง รูปร่างตามแต่ใจนึก ไม่มีการตัดสินความสวยงานในสิ่งที่ทำลงไป มีแต่การสะท้อนความคิดจากภาพที่เสร็จสมบูรณ์ จากกระบวนการณ์ที่ทำให้เกิดภาพนั้นๆ รูปต่างๆนี้รูปหนึ่งเป็นรูปที่ผมวาด และรูปที่เหลือนักเรียนเป็นคนวาดด้วยปากกาไวท์บอร์ด สีสันอาจจะน้อยไปซักหน่อยแต่ก็ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจไม่น้อย จะเห็นรูปแบบการวาดเหลี่ยมซ้อนๆกันในหลายๆรูป ผมก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น หรือเป็นไปได้ว่าเกิดความคลาดเคลื่อนเพราะการวาดต่อๆกัน

Tuesday, November 24, 2015

Teach for Thailand day 17: Go fast go alone go far go together!


สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดตอนนี้คือการจัดกลุ่มนักเรียน ยื้อมาหลายสัปดาห์ที่ไม่ได้ตั้งกลุ่มให้ จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ค่อยมั้นใจว่ามันจะช่วยให้การเรียนดีขึ้นหรือแย่ลงกันแน่ แต่ที่แน่ๆเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่นอน จะต้องเจอกับแรงเสียดทานต่างๆนาๆ นักเรียนลอกงานมาส่งทำอย่างไร ถ้ากลุ่มไม่ได้ช่วยให้คนเก่งช่วยคนอ่อนหละ เกิดคนในกลุ่มไม่มาจะช่วยนักเรียนอย่างไร

แต่ก็นั้นหละเราต้องกล้าที่จะลองสิ่งใหม่ๆ ไม่มีใครรู้หลอกว่าวิธีการไหนดีที่สุดสำหรับนักเรียนของเรา ถ้าไม่ดีก็แค่ล้มไปและบอกเหตุผลกับนักเรียน แต่ตอนนี้ต้องทำให้เต็มที่ที่สุดให้พวกเขา ก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆกันด้วยเครื่องมือใหม่นี้

วันนี้นักเรียนดูไม่มีกระจิตกระใจพร้อมที่จะเรียนเท่าไร เพราะพึ่งซ้อมเดินสวนสนามเสร็จ และมีงานทำกระทงที่่ต้องทำส่ง ผมเลยใช้คาบนี้จับกลุ่มนักเรียน และให้เวลาพวกเขาช่วยกันเคลียร์งานที่เหลือทั้งหมด

ปัญหาตอนนี้คือคนที่ไม่เคยทำเลยก็ต้องลอกเพื่อนเพื่อมีส่ง เพราะผมตั้งกฎว่าถ้าไม่ส่งพร้อมกันทั้งหมด ผมจะไม่ตรวจให้คะแนน ถึงอย่างงั้นผมก็คิดว่ายังดีกว่าเขาไม่ทำอะไรเลย ที่เหลือคือหาวิธีกระตุ้นนักเรียนที่ไม่ได้เรียน ให้เขาต้องพยายามพัฒนาตนเอง เรียนรู้มากขึ้นเพื่อทีมของตน อาจจะต้องสร้างแรงกดดันบ้างเล็กน้อย

ในการจับกลุ่มหนึ่งคนในทีมนี้จะมีหน้าที่เป็น Manager ซึ่งมีหน้าที่คอยรวบรวมงานของเพื่อนๆ ถึงอย่างงั้นก็มีอยู่คนหนึ่งที่เหมือน เกิดความผิดพลาดในการเลือก เพราะผมเลือกจากคะแนนสอบ เขาไม่ได้ดูเป็นคนขยันและรับผิดชอบขนาดนั้น แต่คิดดูอีกทีลองให้โอกาสเขาดู ดูว่าถ้ามีหน้าที่มากขึ้นเขาจะพัฒนาตนเองมากขึ้นหรือไม่


สำหรับห้องม.1 นั้นยังเกิดความสับสนวุ่นวายอยู่มากในการจัดกลุ่ม กว่าจะจับกลุ่มกันเสร็จก็ใช้เวลาไปเกินครึ่งชั่วโมง ครั้งหน้าคงจะต้องทำทุกอย่างให้กระจ่างมากขึ้น ลำดับขั้นตอนให้ดีขึ้น ทำตารางให้นักเรียนให้ชัดเจน


ปิดท้ายด้วยการติวโอเน็ตวันแรก เป็นการติวผ่านคลิปวีดีโอ ก็มีการหยุดอธิบายบ้างเป็นช่วงๆ


Friday, November 20, 2015

Teach for Thailand - day 15: How to motivate students 1


ผมถามนักเรียนด้วย 4 คำถาม
I asked my students with 4 questions

1) งานที่พวกเขาอยากทำในอนาคต (เพื่อที่จะหาเป้าหมายที่จะผูกกับการเรียนคณิตศาสตร์)
What they want to do in the future? (For linking their interesting with Math lessons)
2) เงินเดือนที่พวกเขาอยากได้
How much salary they want?
3) เขาจะไม่ทำอะไรเพื่อให้ได้เงินเดือนนั้นมา
What will not they do for earn that money in question 2?
4) วันนี้พวกเขามีอะไร
Nowadays, what they have?

Thursday, November 19, 2015

Teach for Thailand - day 14: Creativity to Curiosity


เมื่อคืนระหว่างที่ผมกำลังนอนป่วยเพราะไข้หวัดอยู่นั้น ก็คิดเล่นๆว่าพรุ่งนี้จะสอนอะไรดีนะ (นอนไม่หลับเพราะนอนเยอะเกินไป) ก็เลยคิดว่าไหนๆเราก็มีการเอาของเหลวมาผสมกันอยู่แล้ว เพื่อที่จะสอนเรื่องเศษส่วน พอจะมีอะไรสร้างความตื่นเต้นให้กับนักเรียนของผมได้บ้าง

Last night when I downed on my bed and I was struggling because of cold. I was like "what I would like to do, if I can get to school tomorrow" yesterday, I taught my students about fraction by using glass scientists. what if I use 2 different liquid to mix it, can it make curiosity in my students?

ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าที่โรงเรียนมีต้นอัญชันอยู่ และมีมะนาวจากชุดส้มตำที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้กับคุณครู จากความรู้เท่าที่มี น้ำดอกอัญชันเป็นอินดิเคเตอร์วัดความเป็นกรดได้ คิดได้เช่นนั้นก็อยากจะหายไข้ขึ้นมาทันที

I remember that at my school we have Crake flower and lime in Som Tum set for teachers. As far as I know, Crake flower can be used to indicator for acid testing.

ผมถามนักเรียนในคาบว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าครูนำน้ำมะนาว 2/4 เทลงใส่น้ำอัญชัน 4/10 ซึ่งคำตอบที่ผมจะสอนนักเรียนเรื่องการบวกเศษส่วนนั้นคือ 9/10 น้ำมะนาวผสมน้ำอัญชัน นักเรียนไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับการที่ได้เห็นน้ำอัญชันเปลี่ยนสี เพราะพวกเขาทำการศึกษามันมาเยอะมากจากวิชาพฤษศาสตร์ - -*

I questioned to my students that "what happen if we put lemonade 2/4 into Crake flower liquid 4/10". The result of this equation is 9/10 of lemonade mix Crake flower liquid. My students didn't surprise as much as I wish because of most of them have already known that the color of Crake flower liquid will be change.


ส่วนของเล่นชิ้นนี้ใช้แทนตาชั่งเพราะหาของจริงไม่ได้ เพื่อทบทวนเรื่องสมการให้กับนักเรียน แต่พบว่ายังหาของมาแทนตัวแปร และค่าได้ไม่ดีพอ ให้เกิดสมดุลที่ได้เลขลงตัว

This toy was used for teaching about equation, but it still has many problem to be solved. I wish I can find it real scales.



เป็นวันที่ประสบความสำเร็จและล้มเหลวอีกวันหนึ่ง
A day of successful and failed


This massage is the reason why I wrote this blog in English.

Wednesday, November 18, 2015

Teach for Thailand - day 13: Sick


วันนี้ป่วยแบบจัดเต็มมาก สอนกลางคาบ 4 ก็เริ่มมีอาการไข้ขึ้นสูง ตัวแดงตาแดง เลยให้ครูพี่เลี้ยงช่วยสอนแบบฝึกหัดต่อ ส่วนผมก็ไปนั่งอยู่ข้างหลัง พบนักเรียนบางคนที่ยังบวกเลขไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องตั้งบวกยังไง แต่วันนี้ครูไม่ไหวแล้วเลยติดค้างไว้ก่อน

วันนี้เอาอุปกรณ์เครื่องแก้ววิทยาศาสตร์มาสอนเรื่องเศษส่วนกับนักเรียน นักเรียนในห้องสงสัยว่าครูนี้วิชาคณิตศาสตร์นะ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความสงสัยไคร่รู้ในตัวนักเรียนได้เป็นอย่างดี



วันนี้ครูอธิบายการเก็บคะแนนหนังสือและสมุด จากตราปั้ม Avenger เด็กๆตื่นเต้นกันใหญ่ ขนาดเด็กที่แสบๆในห้องยังบอกครูว่า ครูหนูขอตัว The hug นะ ครูเป็นเด็กหรือเปล่าเนี่ยเล่นของแบบนี้ การมีตราปั้มก็ดีประมาณนี้ หลังจากนี้ผมไม่ได้ตรวจคำตอบนักเรียนเป็นรายคนแล้ว อาจจะตรวจบ้างแต่ไม่ถี่ คงประหยัดพลังงานและเวลาไปได้พอสมควร

วันนี้ได้คุยกับนักเรียนเป็นการส่วนตัว ผมเข้าใจในวันนี้เองว่าทำไมเด็กถึงคิดที่จะหาเงินจากการบวส เพราะมีคนเอาเงินใส่บาตรให้เณร เณรเอาเงินไปซื้อมือถือใหม่ ผมคุยกับนักเรียนที่ในคาบไม่มีปากกาแล้วก็ไม่บอกครู จบทั้งคาบไม่ได้จดอะไร เขาชอบบรรยายเกมมาก เขาเก่งภาษาอังกฤษจากการเล่นเกม ทำให้ผมรู้ว่าเขายังมีข้อดีหลายๆอย่างที่เรามองไม่เห็นในคาบเรียน

สุดท้าย หวังว่าจะไม่เป็นไข้เลือดออก สู้กับไข้วันที่ 1

Tuesday, November 17, 2015

Teach for Thailand - day 12: Vision


วันนี้ล้ามากจนต้องให้ครูพี่เลี้ยงช่วยสอนคาบสุดท้าย รู้ตัวว่าสอนได้ไม่เต็มที่ผมเลยเตรียมคลิปมาให้ ม.3 ดูคลิป "ทำงานในเมือง ดีกว่าทำสวนที่บ้าน?" เพราะผมไม่เพียงแค่สอนคณิตศาสตร์อย่างเดียว แต่ต้องเสริมแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนด้วย จุดประสงค์คือต้องการสอนนักเรียนว่า ถ้าเรามีความรู้ ปัญหาเรื่องเงินก็จะน้อยลง และอยากกระตุ้นให้นักเรียนคิดถึงอนาคตของตนเอง แต่ยังสรุปได้ไม่ดีเท่าที่ควร


ผมถามนักเรียน 2 คำถาม ดูแล้วเกิดความคิดอะไรและดูแล้วเรารู้สึกอย่างไร นักเรียนตอบว่าอยากมีชีวิตแบบนี้ รู้สึกล้ำมาก อยากไปลองเริ่มลงมือทำดู (วันนี้ผมค่อนข้างมึนมากเลยจำอะไรไม่ค่อยได้) จากนั้นก็สอนแบบเลชเชอร์เพราะเตรียมการสอนไม่ทัน T^T

ส่วน ม.1 เอาการ์ตูนมาล่อ เพราะนักเรียนบอกว่าชอบดูการ์ตูน แต่การ์ตูนสั้นๆนี้มีอะไรแฝงอยู่เล็กน้อย ผมบอกเขาว่าถ้าครูนับหนึ่งถึงสิบแล้วยังมีคนคุยอยู่ เราอดดูการ์ตูน เฮ้ยยยยย นักเรียน 1 ครู 0 วันนี้พ่ายแพ้ต่อนักเรียนชั้น ม.1 อีกแล้ว มีคนเคยบอกว่าความสนใจของนักเรียนจะมีแค่ 30 นาทีแรกเท่านั้น แต่วันนี้ไม่ถึง 5 นาที คงจะต้องมองย้อนกลับมาตัวเองว่า เราสอนถูกต้องหรือเปล่า



พอดีวันนี้มีธุระที่จุฬา เดินทางไปจุฬาทางสะพานใหม่ก็ติดมาก เลยทำให้มีเวลาได้นั่งตั้งคำถามกับตัวเอง ผมถามตัวเองว่า "วันนี้เราเป็นครูที่ดีแล้วหรือยัง?" เป็นคำถามที่ผมตอบไม่ได้เสีบทีเดียว ก็เลยสงสัยว่าทำไมถึงตอบคำถามนี้ไม่ได้ จนนึกขึ้นได้ว่าเราขาดเป้าหมายที่ชัดเจน (Vision)

ผมมานั่งนึกๆดูแล้วเป้าหมายของผมอาจจะไม่ออกมาเป็นคำพูดได้ แต่พอจะมีภาพในใจ
ถ้าวันหนึ่งเธอได้เป็นตำรวจ ครูหวังให้พวกเธอเป็นตำรวจที่ดี ไม่โกงกินเงินของประชาชน
ถ้าวันหนึ่งเธอได้เป็นพยาบาลหรือหมอ ครูหวังให้เธอทำงานด้วยใจที่อยากช่วยผู้คนมิใช่เงินทอง
ถ้าวันหนึ่งเธอได้เป็นเกษตรกรมีชีวิตที่มั่นคง ครูหวังให้เธอแบ่งปันสิ่งที่เธอมีเหลือให้กับผู้อื่น
ถ้าวันหนึ่งเธอได้เป็นช่าง วิศวกรหรือผู้ประกอบการ ครูหวังให้เธอประกอบการสุจริต คำนึงถึงสังคม
ถ้าวันหนึ่งเธอได้เป็นดาราหรือคนดัง ครูหวังให้เธอเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน
ถ้าวันหนึ่งเธอได้เป็นครู ของให้เธอเดินตามครูเป็นแบบอย่าง สอนนักเรียนด้วยความรักและเมตตา
ในวันที่เธอมีมากพอ ครูอยากให้เธออย่าลืมได้แบ่งปันให้กับผู้อื่น

ผมมานั่งคิดเป้าหมายขนาดนี้เราจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อไปถึงเป้าหมาย
1) สุดผมอยากมีความรู้ด้านคณิตศาสตร์แม่นยำมากจนไม่มีคำถามใดที่ถามตนเองแล้วตอบไม่ได้ สามารถคำนวณเลขในใจได้เร็วกว่าเครื่องคิดเลข ผมอยากเป็นแบบอย่างให้กับนักเรียนที่หัวไว และอธิบายคณิตศาสตร์ให้ง่ายที่สุดจนนักเรียนทุกคนเข้าใจ
2) สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน เอาตัวเราเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งด้านการพูด ความรู้ การใช้ชีวิต ผมไม่อยากใช้อำนาจจากความเป็นครูในการบังคับให้นักเรียนทำสิ่งใด หรือไม่ทำสิ่งใด เพราะฉะนั้นแบบอย่างสำคัญมาก
3) ผูกคณิตศาสตร์หรือการเรียนหนังสือเข้ากับเป้าหมายในชีวิตของนักเรียน ให้นักเรียนเห็นความสัมพันธ์ของเรื่องที่เรียนกับชีวิตประจำวันและเป้าหมายของตนเองเสมอ อาจจะเป็นสิ่งที่ยากและท้าทาย แต่ถ้าไม่มีใครทำเราก็ควรจะทำมิใช่หรือ
4) ลับคมคุณลักษณะสำคัญ 4 สิ่งที่นักเรียนควรมี Grit Curiosity Integrity และ Hidden character เพื่อที่จะสอนได้ผมจะต้องเข้าใจกระบวนการณ์สร้างสิ่งเหล่านี้ เพื่อที่จะสามารถสอนพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วงนี้คงเป็นช่วงที่สับสนกับอะไรหลายๆเรื่องที่ประดังเข้ามา ถึงตอนนี้ผมคงตอบได้แล้วว่า "วันนี้ผมเป็นครูที่ดีแล้วหรือยัง"

Monday, November 16, 2015

Teach for Thailand - day 11: The Tutor


วันแรกที่เป็นเวรพูดหน้าเสาธงตอนเช้า
วันแรกที่เตรียมการสอนแบบ 1 ชั่วโมงก่อนสอน
วันแรกที่สอนพิเศษเพิ่มให้นักเรียน
วันแรกที่ป่วยในโรงเรียน 
วันแรกที่ใช้ตราปั้มตรวจการบ้าน
วันแรกที่ใช้สไตล์การสอนแบบติวเตอร์ (ช่ำชองมาก แต่ให้นักเรียนได้เพียงความรู้)
วันแรกที่โดนเรียกประชุม จนเกือบไม่ได้สอนคาบหลังบ่าย
วันแรกที่เล่นบาสจนดึกจนดื่น
วันแรกที่เหงื่อท่วมตัวกลับบ้าน
วันแรกที่โดดเวรนอนกลางคืน กลับบ้าน

ชีวิตแต่ละวันไม่เหมือนกันเลย ป่วยกินยานอนราตรีสวัส



Sunday, November 15, 2015

Review: Secrets of Mental Math (กดเครื่องคิดเลขทำไม ในเมื่อคิดในใจได้เร็วกว่า)


เนื่องจากผมค่อนข้างเป็นคนขี้เกียจหยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมาคิด เลยมักจะหาทางคิดเลขในใจอยู่เสมอ บางครั้งก็ประมาณค่าเอา หนังสือ Secrets of Mental Math (กดเครื่องคิดเลขทำไม ในเมื่อคิดในใจได้เร็วกว่า) โดยใจผมมากเปิดอ่านได้แค่ 2 วันก็อ่านจบแล้วสำหรับคนที่ชอบคณิตศาสตร์ผมแนะนำเลยเล่มนี้

ตอนแรกผมเข้าใจว่าเขาคงนำเสนอวิธีลัดในการคำนวณทั่วๆไป ที่เราสามารถหาได้ตามอินเตอร์เน็ต ซึ่งก็ถูกต้องแต่นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆส่วนเดียวเท่านั้น หนังสือพยายามจะสอนให้เราคิดเลขในใจอย่างมีระบบ อันจะทำให้เราใช้สมองในการจำตัวเลขน้อยลง ซึ่งวิธีการคิดนั้นแตกต่างจากการคิดคำนวนในกระดาษ (ผมก็พึ่งตระหนักได้จากการอ่านหนังสือเล่นนี้เช่นกัน) ตัวอย่างเช่น

ถ้าเราจะบวกเลข 573 + 462 โดยทั่วไปแล้วเราจะบวกจากหลังมาหน้าใช่ไหมครับ เพราะโรงเรียนเราสอนเช่นนั้น แต่การบวกจากหน้ามาหลังนั้นทำให้เราใช้พื้นที่สมองจดจำตัวเลขน้อยกว่า

573 + 467 = 973 + 67 = 1033 + 7 = 1040

จะสังเกตเห็นว่าขั้นตอนแรกเราจะจำตัวเลข 6 ตัว และถัดมา 5 ตัว จนขั้นตอนสุดท้าย 4 ตัวทำให้เราจำเลขน้อยจำนวนลง

เลขยกกำลัง การหารนั้นก็ทำได้น่าสนใจเช่นกัน ส่วนการคูณผมคงขอที่จะใช้วิธีเดิมของผมเองดังนี้


ลองไปหาอ่านดูนะครับ :D

Saturday, November 14, 2015

Teach for Thailand - day 10: Classroom meeting & Classroom environment



พอดีว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ที่มีประชุมผู้ปกครอง ผมเลยไม่ได้หยุดอยู่บ้านเฉยๆ วันนี้เป็นวันที่ผมได้เก็บข้อมูลสำคัญๆ หลายอย่างเกี่ยวกับนักเรียนและผู้ปกครอง ครูพี่เลี้ยงคุยกับผู้ปกครองอย่างเป็นกันเอง ถึงแม้เราจะมีข้อมูลเชิงปริมาณที่ได้จากการสอบวินิจฉัยนักเรียนแต่ละคน แต่ข้อมูลเชิงคุณภาพนั้นสำคัญยิ่ง ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจนักเรียนเป็นรายบุคคลได้ลึกซึ้งขึ้น

ผมจะรู้ว่าพ่อแม่คนไหนตีลูกบ้าง ใส่ใจนักเรียนมากแค่ไหน สาเหตุที่นักเรียนไม่มาโรงเรียนคืออะไร นักเรียนไม่เอาใจใส่การเรียนเพราะติดเพื่อนคนไหน บอกผู้ปกครองว่าทิ้งลูกเขาไว้ให้ผมติวพิเศษให้ได้


และไหนๆก็มาแล้วเลยขอใช้เวลารอย้อยอาหารกลางวัน จัดห้องวิทย์แหล่งสิงสถิตซักเล็กน้อย ครูพี่เลี้ยงเขาขอให้ช่วยพิมพ์สื่อติดห้องซึ่งผมว่ามันน่าสนใจดีก็เลยทำมาติดห้องตัวเองด้วย ซึ่งผมก็หาไฟล์คุณภาพดีสุดได้จากเวปนี้ http://teen.mthai.com/education/95687.html หวังว่าจะมีนักเรียนเข้ามาสนใจดูบ้าง และก็ในตอนเย็นคงใช้เป็นเวลาสำหรับคลีนิค คำนวนและการอ่านหนังสือ นักเรียนจะได้มีความรู้ให้ศึกษาใกล้ตัวมากขึ้น



กลับมาพักผ่อนให้เต็มที่เตรียมพร้อมสำหรับสัปดาห์ที่น่าตื่นเต้นอีกสัปดาห์หนึ่ง :D

Friday, November 13, 2015

Teach for Thailand - day 9: The lowest energy


วันนี้พลังผมหมดหลอดจริงๆ แทบจะไม่ได้เตรียมการสอนเลย สืบเนื่องมาจากเมื่อวานที่ไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที ไปเจอเพื่อนๆที่ฟิวเจอร์ แต่เพราะเราเตรียมสอนมาเยอะมากช่วงแรกๆ แล้วสอนไม่ทันก็เลยได้โอกาสเอามาใช้ ผมรู้สึกว่าสอนตามหนังสือมันก็ดีทำให้เราเก็บได้ครบถ้วน แต่ผมรู้สึกว่าสอนได้ช้าและแห้งเกินไป

ช่วงพักเที่ยงลงมาเจอรถมาจอดอยู่ที่ลานกว้างขายชุดลูกเสือของครู ดูเรียงรายกันสวยมาก เสมือนมีคาราวานจากแดนไกลแวะมาเยี่ยมเยือนโรงเรียนเล็กๆแห่งนี้ รู้สึกชีวิตมีสีสันดี ขอเอารูปมาฝากให้เพื่อนๆดูซักเล็กน้อย



ครูในโรงเรียนบอกว่าที่นี้ขายถูกมากนะชุดนึงแค่ 900 บาทถ้าไปตัดอาจจะเกือบ 2,000 เห็นจะได้ แต่ผมไม่กล้าซื้อเพราะถ้ามีต้องโดน ผอ. จับให้ใส่แน่ๆเลย = =

ตอนบ่ายปกติไม่มีสอนแล้วแต่พอดีว่าวิชากอท. ครูขอให้สอนแทนเราก็จัดสอนคณิตเลย พี่โอที่สอนวิทยาศาสตร์อยู่บอกว่า เขาสอนเรื่องแรงไม่ได้เพราะเด็กหารไม่เป็น ผมเลยลิสรายชื่อนักเรียนที่น่าจะทำไม่ได้ออกมาดู แล้วให้เขามาสอบกับผมในคาบ โดยผมขึ้นโจทย์ให้ 10 ข้อ ถ้าทำได้ถึงข้อ 8 ก็มาหาผมเพื่อสอบ ระหว่างนั้นให้เพื่อนสอนกันไปก่อน 

แต่เพื่อนสอนเพื่อนผมว่ายังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพสะทีเดียว บางครั้งเพื่อนสอนผิดๆด้วยซ้ำไป การหารผมสังเกตว่านักเรียนเขียนไม่เป็นระเบียบทำลำดับสลับไปมา ทำให้เขางงและสับสนใจการทำผมจึงบอกขึ้นตอนให้เขาท่องให้ขึ้นใจ 3 ขั้นตอนกันหลง 1) ค้นหาเลข 2) ลบกัน 3) ดึงลงมา ถ้าฟังดูอาจจะงงๆแต่เราทำให้เขาดู 2-3 รอบเขาก็เข้าใจและไม่หลงแล้ว และมีนักเรียนคนนึงบอกว่าอยากท่องสูตรคูณได้จังเลย (เพราะตอนสอบผมให้เขาเปิดสูตรคูณได้) 
วันนี้ดีใจที่ผมน่าจะดึงนักเรียนที่อ่อนคณิตศาสตร์มาติวได้ซัก 2-3 คนในทุกวันตอนเย็น ขอให้เขามาตลอด ผมบอกเขาว่าเขาจะเป็นแม่ค่าที่เก่งได้ถ้ามาเรียนกับครูทุกวัน แต่วันนี้ก็มีหลายคนที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมลบชื่อตัวเองออกจากกระดานทั้งที่ยังสอบไม่ผ่าน หรือไม่ก็หายไปเลยไม่หลังเลิกเรียนไม่ได้บอกครู สัปดาห์หน้า ต้องเข้มงวดกับระเบียบ ฝึกความอดทนให้กับนักเรียนให้มากกว่านี้ และหาทางให้เพื่อนช่วยเพื่อนให้ได้ซึ่งผมก็ค่อนข้างกังวลใจ เพราะคนที่ทำได้คะแนนสูงในห้องนี้ก็ยังทำข้อสอบได้ไม่ถึงระดับที่พอรับได้อยู่หลายคน ก็คงต้องทดลองอะไรหลายๆอย่างต่อไป


วันนี้ต้องขอบคุณไอเดียดีๆจากครูลูกปลาที่ทำให้ชีวิตการเดินไปสอนง่ายขึ้นเยอะเลย :'D


ก่อนกลับบ้านก็ค่อยๆสร้างอาณาจักรเล็กๆของตัวเองขึ้นมา ผมติดเทคนิคการคำนวณไว้ที่ห้อง เพราะเด็กชอบมาเล่นในห้องวิทย์ และอนาคตถ้าเป็นไปได้ผมจะมาติวที่ห้องนี้ อยากจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีๆให้กับนักเรียน : )