Tuesday, November 3, 2015

Teach for Thailand - day 1: First day in school


วันแรกในโรงเรียนในฐานะครูคนหนึ่ง ผมคิดว่าคงจะไม่กังวลใจอะไร  เพราะเข้าใจบริบทของโรงเรียนกทม. ดีอยู่พอสมควร รู้ว่าเราไม่ใช้ครูโดยปริญญา เรามีส่วนที่ขาดมากมายทั้งประสบการณ์และความรู้ในวิชาชีพครู แต่เช้าวันนี้เองผมก็ยังคงกังวล...

ผมนั่งรถเมย์สาย 34 เพื่อเดินทางไปยังโรงเรียน ปกติไม่ว่าจะไปไหนผมจะนั่งรถไปแยกขวา แต่วันนี้ต้องนั่งไปแยกซ้ายอย่างมีจุดหมาย มันเป็นความรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก เหมือนต้องเดินทางไปในที่ไกลๆทั้งที่โรงเรียนห่างจากบ้านผมแค่นั่งรถ 20 นาทีเท่านั้นเอง ผมนั่งคิดอยู่กับตนเองว่าทำไมผมจึงกังวล...

ผมกังวลเพราะเป้าหมายที่ใหญ่มาก ด้วยความสามารถและทรัพยากรที่น้อยกว่าเดิม แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าความกังวลใจนั้นเลวร้าย ความกังวลใจเป็นตัวพิสูจน์แล้วว่า เป้าหมายเราใหญ่เพียงพอ และมันยากจนไม่มีใครทำ เราควรจะเป็นคนทำมันไม่ใช่หรือ เพราะถ้าเราไม่ทำแล้วจะมีใครมาทำหรือเปล่าผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนัก

สาเหตุหนึ่งที่ผมสมัครเข้ามาในตอนนี้เพราะผมรู้ว่า ปีต้นๆของโครงการเช่นนี้จะเป็นปีที่ยากลำบากมากๆๆๆ ผมมาเพื่อสิ่งนี้ และผมไม่ได้เดินทางคนเดียว

วันแรกผมเตรียมสิ่งที่จะทำกับนักเรียนอยู่สองเรื่องด้วยกันคือการทำข้อสอบวินิจฉัย (Diagnostic test) เพื่อใช้ในการประเมินความรู้พื้นฐานของนักเรียนและนำไปวางแผนต่อไป หรือจะทำความรู้จักกับนักเรียนก่อนดี ทำกิจกรรมเล็กๆให้พวกเราคุ้นเคยกัน ซึ่งผมเลือกอย่างที่สอง น่าจะเหมาะสมที่สุดจากการฟังประสบการณ์ของคนอื่นมา

เมื่อย้างก้าวเข้าไปในโรงเรียนวันเปิดเรียน ความรู้สึกนั้นแตกต่างจากช่วงปิดเทอมอย่างสิ้นเชิง ให้ลองนึกถึงหนังเรื่อง Toy story 3 ฉากสถานรับเลี้ยงเด็กห้องเด็กเล็กที่เล่นของเล่นกันรุนแรงมาก ความคิดของผมล่องลอยไปเช่นนั้น เสียเสียดสีกันของม้าหมุน โรงเรียนที่ดูจะเล็กไปสำหรับเด็ก 1500 คน ช่างแตกต่างจากโรงเรียนฤทธิยะที่ผมนั่งวินผ่านมาเมื่อตอนเช้าอย่างสิ้นเชิง ผมเริ่งตั้งสติและดำเนินชีวิตไปตามที่ควรจะเป็น ช่วงเช้าผมมีแนะนำตัวหน้าเสาธงด้วยพูดผิดพูดถูกไป

สิ่งดีๆในวันนี้คืออาหารเช้าฟรีและวัสดุอุปกรณ์ฟรีเบิกได้ พี่บอกเบิกทีเดียวให้ครบเลยจะได้ไม่ต้องรบกวนบ่อย จะเหลือหรอครับผมอยากกะมาช๊อปปิ้ง 555


วันนี้ได้เข้าสอน 2 ห้องด้วยกัน ม.3 และ ม.1 อย่างละห้อง ม.3 ผมไม่ค่อยกังวลเท่าไร เพราะเป็นวัยที่คุยกันเรื่องตรรกะเข้าใจได้ง่าย เด็กไม่เรียนก็จะหลับไปเลย ส่วน ม.1 ถ้าเกิด dead air เมื่อไหร่เสียงจะดังเมื่อนั้นและจะใช้พละกำลังดึงกลับมาไม่น้อยอยู่

สะท้อนความคิดตนเอง

สิ่งที่ทำได้ดี
1) เตรียมเอกสารไว้พร้อมถ้าต้องสอบก็มีชีตไว้พร้อมสอบ ถ้าไม่พร้อมสอบก็มีกิจกรรมรู้จักนักเรียน
2) วางตัวกับนักเรียนได้ดี ไม่เล่นมากเกินไป

สิ่งที่ต้องพัฒนา
1) เสียงที่ใช้ในการสอนต้องพูดให้ดังขึ้น ช้าลง (อ้าปากกว้างๆ)
2) ยังไม่มีเวลาวางกฎการอยู่ร่วมกันในห้องเรียน

สิ่งที่ต้องทำเพิ่มเติม
1) วางแผนกับครูพี่เลี้ยงและครูประจำวิชา หาวันสอบกลางภาค ปลายภาค
2) วางแผนการสอนระยะยาว
3) วางกฎในห้องเรียน
4) หาวิธีเก็บคะแนนนักเรียน

No comments:

Post a Comment