Thursday, November 5, 2015

Teach for Thailand - day 3: Classroom rules



การตั้งกฎในห้องเรียน โอเคผมรู้ว่าการตั้งกฎในห้องเรียน ก่อนที่จะเริ่มเรียนเป็นสิ่งที่สำคัญมากพอๆกันกับการเข้าถึงนักเรียน ผมตั้งใจที่จะไม่ใช้อำนาจในฐานะที่เป็นครูในการตั้งกฎเกณฑ์ ข้อบังคับให้นักเรียนโดยไม่ยินยอม

ผมจึงให้นักเรียนเป็นคนตั้งกฎเอง โดยเรากำหนดข้อแรกให้นั้นคือ ไม่มีการพูดแทรก และหากจะพูดให้ยกมือก่อนพูด (ไม่เช่นนั้นผมจะไม่รับข้อเสนอ) สิ่งที่เกิดขึ้นคือบางห้องต้องใช้เวลาซักครู่กว่านักเรียนจะเริ่มตั้งกฎได้ บางครั้งก็มีกฎที่ไม่ได้ส่งผลดีต่อการเรียน แต่ทุกคำพูดผมเขียนบนกระดานหมด



บางครั้งก็มีกฎแปลกๆ ที่เราไม่คาดคิดเกิดขึ้นมา เช่นห้ามเดินเล่นในห้อง แต่ข้อนี้ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ และผมมองว่านักเรียน ม.1 เป็นวัยที่มีพลังเยอะมาก การที่ให้เขาอยู่เฉยๆตลอดชั่วโมงอาจจะไม่เหมาะเท่าไรนัก เขาจะหาทางปลดปล่อยด้วยการ คุยกัน แกล้งกัน ฯลฯ

เรื่องมือถือเป็นสิ่งที่นักเรียนโอดครวญมาก ต่อรองแล้วต่อรองอีก ตอนแรกผมปล่อยแล้วว่าเล่นได้เมื่องานเสร็จ เผื่อจะเป็นแรงจูงใจในการทำงานให้นักเรียน แต่ครูพี่เลี้ยงบอกว่าถ้ามีคนนึงเล่น เดี๋ยวคนอื่นก็จะเล่นตาม ซึ่งผมมองอีกมุมนึงแล้วมันก็จริงนะ


นักเรียนบอกกับผมว่ามีแต่กฎบังคับขอข้ออนุญาติบ้างได้ไหม ซึ่งผมก็โอเคเขียนให้ได้ครับ ยังไงเดี๋ยวมาคุยกันอีกทีว่ากฎข้อนี้จะผ่านมติในที่ประชุมของห้องนี้หรือไม่ เห็นได้จากข้อแรกเลยว่าเด็กห้องนี้อยากนอนมากกกกกกกกกกกกกก บอกขอเวลางีบผมเลยต่อลองว่างีบได้นะ แต่ครูขอให้เป็นแค่ต้นคาบเท่านั้น 5 นาทีซึ่งผมตั้งใจจะใช้เป็นช่วงทำสมาธิอยู่แล้ว (ตอนนั้นผมมองว่าถ้าร่างกายและจิตใจไม่พร้อมจะเรียนได้ไม่เต็มที่)

และห้องน้ำต่อรองกันนานอยู่ ตอนแรกผมว่าจะแค่ 2 คน นักเรียนต่อรองอีกว่าขอ 3 ได้ไหม ซึ่งผมก็คิดอีกว่าบริบทของห้องมันไม่เหมือนกับห้อง 30-40 คน ถ้าให้ 2 คนต่อครั้งอาจจะไม่ทันก็ได้ ก็เลยกะว่าจะลองดูก่อน

ช่วงสุดท้ายของการตั้งกฎในห้องคือการยินยอมรับจากคนทั้งห้อง เนื่องจากเป็นสิทธิของนักเรียนในห้องทุกคนจะตั้งใจดู ครูจะถามนักเรียนว่าใครไม่เห็นด้วยกับข้อนี้บ้าง ให้ยกมือและบอกเหตุผล (เป็นการตรวจสอบการให้เหตุผลของนักเรียนด้วยไปในตัว) บางห้องมีเสนอว่าห้ามให้ครูให้การบ้าน และมีคนค้านว่าเราก็จะไม่ได้พัฒนานะสิ ผมก็จะเสริมแรงทางบวกให้กับนักเรียนด้วยการให้คะแนนจิตพิสัยเพิ่ม

ต่อจากนี้ไปสำคัญคือการนำไปใช้ ถ้ากฎที่ตั้งขึ้นมาแต่ไม่มีคนทำตาม กฎก็ไร้ความหมาย ผมพยายามสอนเรื่องสิทธิและหน้าที่ให้กับนักเรียน แต่คงเพราะผมไม่แม่นยำเรื่องนี้มากพอ ทำให้ผมอธิบายนักเรียนไม่เข้าใจว่าทำไมเราจึงต้องมีกฎคอยผูกมัดตนเอง

ตำส้มตำครั้งแรกในชีวิต(ครั้งนี้มีโค้ช)

เป็นครูก็เหมือนฝึกตำส้มตำ ตำครั้งแรกเราไม่รู้หลอกว่า ตำแค่ไหนถึงอร่อย ต้องใส่น้ำตาล ใส่น้ำปลา ใส่พริก บีบมะนาวด้วยอัตราส่วนเท่าไร จึงจะลงตัวกับส่วนผสมอื่นๆ ต้องตำไปชิมไป ยิ่งตำก็ยิ่งเก่งขึ้น รสชาติอร่อยกลมกล่อมมากขึ้น เช่นเดียวกับการสอนหนังสือ ต้องคอยปรับกลยุทธ์ตลอดเวลา

พรุ่งนี้จะเริ่มเก็บข้อมูลคุยกับนักเรียนจริงๆจังๆแล้ว จะต้องรีบจำชื่อนักเรียนในห้องให้ได้โดยเร็ว
ถามว่าวันนี้เข้าใกล้ครูในฝันมากแค่ไหน บอกเลยว่าห่างไกลมาก แต่จะก้าวต่อไปให้ถึงเป้าหมายให้จงได้


No comments:

Post a Comment